สมัยเด็กๆ แถวบ้านพิมจะมีต้นกระท้อนต้นใหญ่อยู่ต้นนึงค่ะ เวลาหน้ากระท้อนออกทีไรเนี่ย แม่ก็มักจะเก็บเอามาทำกระท้อนทรงเครื่อง กระท้อนแช่อิ่ม เมี่ยงกระท้อน หรือไม่ก็แกงกระท้อนให้กินอยู่เป็นประจำ
ซึ่งสมัยก่อนเนี่ย (สมัยก่อน คือตอนพิมอยู่ประถมต้น) เวลาแม่ทำแกงกระท้อนทีก็จะแกงเป็นหม้อใหญ่ เพราะว่ามีลูกหลานพี่ป้าน้าอาปู่ย่าตายายอยู่กันหลายคน (สมัยก่อนเค้ามักจะอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่เน๊าะคะ) แต่พอวันเวลาผ่านไปหลายปีเข้า สมาชิกในบ้านที่เคยกินแกงกระท้อนเป็นก็ไม่อยู่แล้วซะเป็นส่วนใหญ่ - -" จนถึงตอนนี้ก็เหลือแต่แค่พิมกับแม่เท่านั้นที่ยังพอกินเป็น เพราะนั้นก็เลยทำให้ไม่ค่อยได้ทำแกงนี้ไปโดยปริยายอ่ะค่ะ
จนกระทั่่งสามสี่วันก่อน แม่พิมเอากระท้อนจากที่สวนมาให้ แล้วบ่นว่าอยากกินแกงกระท้อนมาก แต่แม่ก็ไม่สะดวกจะทำ พิมก็เลยอาสาจัดการทำให้ค่ะ ซึ่งตอนแรกพิมก็แอบคิดว่าจะทำออกมาถูกใจแม่ไหมนะคะ เพราะไม่ได้ทำนานแล้วเหมือนกัน แต่ปรากฎว่าพอทำเสร็จ แม่กินข้าวได้เยอะ แถมกวาดแกงซะเกลี้ยงถ้วย พิมก็ดีใจอ่ะค่ะ .......... เลยอยากเอาวิธีทำแกงอันนี้มาฝากเพื่อนๆ เผื่อว่าใครอยากจะเอาไปลองทำให้ผู้ใหญ่ที่บ้านได้ทานกันบ้างนะคะ ^_^
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
- กระท้อน 2 ลูก หนักประมาณ 450 กรัม
- สันคอหมู 220 กรัม
- น้ำพริกแกงคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
- หัวกะทิ 1 ถ้วย
- หางกะทิ 2 + 1/2 ถ้วย
- กุ้งแห้งป่น 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 2 + 1/2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
- ใบมะกรูด 5 ใบ
:: วิธีทำ ::
เริ่มต้นเรามาจัดการกระท้อนกันก่อนค่ะ สำหรับกระท้อนให้เลือกแบบที่แก่ แต่ยังไม่สุก จับดูแล้วผลไม่นิ่ม ... วันนี้พิมใช้ 2 ลูกขนาดประมาณในภาพ น้ำหนักก็ราวๆ 450 กรัมนะคะ (เตรียมไว้ 3 ลูก แต่จริงๆ ใช้แค่ 2 ลูกค่ะ ^_^)
เมื่อได้กระท้อนมาแล้วก็ให้เราปอกเปลือกด้วยความรวดเร็ว และแช่ในน้ำเกลือไว้สักแป๊บนะคะ เพื่อไม่ให้กระท้อนดำ (น้ำเกลือ ใช้น้ำประมาณ 1/2 ลิตร เกลือ 1/2 ชต. ผสมกัน คนให้เกลือละลาย)
จากนั้นก็หยิบขึ้นมาผ่าเป็นสี่ส่วน ควักเม็ดกระท้อนออกด้วยช้อนหรืออะไรก็ได้ที่เพื่อนๆ ถนัดค่ะ แล้วก็ซอยบางๆ + แช่น้ำเกลือ (กาละมังเดิม) ไว้อย่างในภาพด้านล่างนี้นะคะ
แช่กระท้อนในน้ำเกลือสักประมาณ 2-3 นาที แล้วก็ขยำๆ กระท้อนกับน้ำเกลือสักแป๊บนะคะ จากนั้นบีบให้แห้ง แล้วหยิบขึ้นมาชิมดูสักชิ้นว่ากระท้อนยังมีความฝาดอยู่มากรึเปล่า ถ้ายังมีให้ขยำน้ำเกลืออีกรอบหรือสองรอบจนกว่าจะหายฝาด หรือเหลือความฝาดเพียงเล็กน้อยค่ะ แต่ถ้าหายฝาดแล้วเหลือแต่ความเค็มจากเกลือ ก็ให้ล้างน้ำเปล่าสักรอบสองรอบจนหายเค็ม แล้วก็บีบไว้ให้แห้งแบบนี้นะคะ ...... บีบเสร็จก็พักเอาไว้ก่อนค่ะ
ต่อมาก็หยิบสันคอหมูที่เราเตรียมเอาไว้ใส่กาละมัง เหยาะน้ำปลาลงไปประมาณสัก 1 ช้อนโต๊ะ เคล้าพอเข้ากัน แล้วนำไปย่างบนเตาถ่านให้สุกหอมนะคะ แต่ ....... วันนี้พิมแอบขี้เกียจก่อเตาถ่านเล็กน้อย >_< ก็เลยเอาไปย่างในหม้อทอดของ airfryer (ไฟ 180 องศา เวลาประมาณ 13-15 นาที) ) แทนอ่ะค่ะ ซึ่งก็ออกมา หอมอร่อยใช้ได้เหมือนกันนะคะ ^_^ ........ ย่างเสร็จ พักไว้ให้พออุ่น ๆ ก็นำมาหั่นไว้เป็นชิ้นพอคำค่ะ
เมื่อเตรียมเครื่องต่างๆ เสร็จเรียบร้อย ขั้นตอนต่อมาก็คือลงมือแกงนะคะ ก็ให้เราตั้งกระทะบนเตาค่ะ ใส่หัวกะทิลงไปประมาณ 1/2 ถ้วยหรือมากกว่านิดหน่อย เปิดไฟกลาง เคี่ยวหัวกะทิสักแป๊บนึงพอให้แตกมัน ก็ใส่พริกแกงลงไปผัดให้หอม และแตกมันเป็นสีสวยอย่างในภาพด้านล่างนี้นะคะ
จากนั้นก็ใส่กุ้งแห้งป่นลงไป ผัดให้เข้ากัน ตามด้วยหางกะทิทั้งหมดค่ะ
รอให้กะทิในกระทะเดือดเล็กน้อย ก็ใส่หมูย่างและกระท้อนลงไปนะคะ
ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ เกลือป่น (ธรรมดา ที่ไม่ใช่เกลือไอโอดีน) และก็น้ำปลาค่ะ ... คนพอให้น้ำตาลละลาย แล้วก็หรี่ไฟลงเป็นไฟอ่อน เคี่ยวกระท้อนกับหมูย่างไปสักประมาณ 10 นาที หรือจนกระท้อนนุ่ม ก็ตักน้ำแกงขึ้นมาชิมรสชาตินะคะ ซึ่งโดยปกติก็จะเปรี้ยวนำนิด ๆ เค็มหวานตามพอกลมกล่อมค่ะ หากขาดรสใดไปก็เติมเอาตามความชอบเลยนะคะ ถ้าไม่เปรี้ยวหรือเปรี้ยวน้อยไป เติมน้ำมะขามเปียกเพิ่มได้ค่ะ
และเมื่อได้รสที่ชอบแล้ว ก็เทหัวกะทิที่เหลือใส่ลงไป ตามด้วยใบมะกรูด
คนพอเข้ากัน แล้วรอเดือดอีกที ก็ปิดไฟเตาได้เลยอ่ะค่ะ
แล้วเราก็จะได้แกงคั่วกระท้อนกับหมูย่างออกมาหน้าตาแบบนี้นะคะ ...... ขอบอกว่ารสชาติเข้มข้น กินกับข้าวสวยร้อน ๆ แนมด้วยปลาช่อนเค็มสักชิ้น หรือปลาสลิดเค็มย่างถ่านสักตัว อร่อยมากกกกเลยค่ะ
สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่ไม่สะดวกจะย่างหมู ก็ใช้เป็นหมูสดได้นะคะ โดยหั่นเป็นชิ้นพอคำเหมือนเวลาเราทำแกงทั่วไปอ่ะค่ะ แต่ถ้าใครที่ไม่ทานหมูเลย จะเปลี่ยนเป็นกุ้งหรือกบก็ได้ เข้ากันทั้งสองอย่างอ่ะค่ะ
ก็ลองไปทำทานกันดูนะคะ เป็นอีกหนึ่งแกงที่อร่อย คู่ครัวไทยมานาน แต่ก็กำลังจะสูญหายไปเช่นกันค่ะ
แล้วเจอกับพิมอีกครั้งในเมนูถัดไปนะคะ ^_^