ช่วงนี้พิมงานยุ่งมากเลยค่ะ แต่ละวันกว่าจะได้นอนคือตี 2 ตี 3 บางวันลากยาวไปจนตี 4 แล้วพอตื่นเช้ามา (ก็ไม่เช้านะคะ ประมาณ 9 - 10 โมง) ก็ได้เวลาต้องทำงานต่อล่ะค่ะ
เพราะงั้นช่วงนี้อะไรที่เคยทำแล้วต้องใช้เวลามาก ๆ อย่างการทำอาหาร พิมก็จะพยายามลดเวลาลง โดยเปลี่ยนไปทำพวกเมนูง่าย ๆ หรือถ้าเป็นเมนูที่ต้องใช้เวลาอยู่บนเตานาน ๆ ก็ต้องใช้เวลาเตรียมวัตถุดิบไม่เยอะแทน เพื่อที่จะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่น เช่น ทำง หรือพักผ่อนเพิ่มนะคะ
สำหรับวันนี้ เมนูที่พิมจะเอามาฝากเพื่อน ๆ ก็เป็นอีกเมนูนึงที่แม้จะใช้เวลาอยู่บนเตานาน แต่เป็นเมนูที่ทำง่าย แล้วก็ในชั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบไม่มีอะไรยุ่งยาก นั่นก็คือ หมูตุ๋นโชยุ นั่นเองค่า ....... ป่ะ ไปดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลยเน๊าะคะ
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
- หมูสามชั้น หรือกระดูกอ่อนหมู 1000 กรัม
- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
- น้ำเปล่า 1.5 ลิตร
- หอมใหญ่ หั่นแว่นบาง 100 กรัม
- ขิงแก่หั่นแว่น 35 กรัม
- กระเทียมจีนกลีบใหญ่ ทุบพอแตก 20 กรัม
- พริกจินดาแห้ง 5 เม็ด (ถ้าชอบให้มีรสเผ็ดนิด ๆ ให้หั่นครึ่งเม็ด)
- โชยุ 6 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ
- สาเก 2 ช้อนโต๊ะ (ไม่ใส่ก็ได้)
- น้ำซุปปลาแห้ง หรือ น้ำซุปสาหร่าย หรือน้ำเปล่า 1 + 1/2 ถ้วย
- ต้นหอมซอย ขิงอ่อนซอยสำหรับโรยหน้า ตามชอบ
*** 1 สูตรที่แล้วได้ปริมาณเท่ากับ 1จานในภาพกับอีกนิดหน่อย
:: วิธีทำ ::
เริ่มแรกเรามาดูที่หมูกันก่อน เพื่อให้เหมือนญี่ปุ่นฝุด ๆ พิมก็เลยใช้เป็นหมูสามชั้นนะคะ 😄 แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้มันเลี่ยนมาก พิมก็พยายามเลือกชิ้นที่มันน้อย ๆ หน่อยค่ะ แต่ด้วยความที่เขียงหมูในตลาดนัดแถวบ้านพิมก็ไม่ได้ใหญ่อะไรเน๊าะเพราะเป็นแค่ตลาดเล็ก ๆ เพราะงั้นสามชั้นมันน้อยสุดที่พิมเลือกมาได้ก็ตามภาพเลยนะคะ 😄 แต่ถ้าเพื่อน ๆ กลัวเรื่องมัน ๆ กลัวความเลี่ยน จะใช้เป็นหมูส่วนอื่น อย่างสันคอ หรือใช้เป็นกระดูกหมู กระดูกอ่อน กระดูกใบพายแทนไปเลยก็ได้ค่ะ
สำหรับใครที่ใช้เนื้อหมู ไม่ว่าจะสามชั้นหรือสันคอ ให้หั่นเป็นเส้นยาว ๆ แบบในภาพนี้ก่อน แต่ถ้าเป็นกระดูกให้สับไว้เป็นชิ้นได้เลยนะคะ
ให้เราตั้งกระทะก้นลึกบนเตา ใส่น้ำเปล่าลงไป ตามด้วยเกลือป่นที่เตรียมไว้ค่ะ พอน้ำเดือดก็ใส่หมูลงไป รอให้น้ำเดือดอีกรอบ ก็ลดไฟลงเป็นไฟอ่อน แล้วต้มหมูไปสัก 50 นาทีนะคะ
พอครบเวลา ก็ตักหมูขึ้นใส่จานพักไว้สักครู่ค่ะ
พอหมูหายร้อนก็หยิบหมูมาหั่นเป็นชิ้นพอคำ แต่เพื่อความสวยงามก็หั่นให้ชิ้นใหญ่กว่าปกตินิดนึงนะคะ
จากนั้นตั้งกระทะอีกใบบนเตา ใส่ขิง กระเทียม หอมใหญ่ พริกจินดาแห้งลงไป ตามด้วยน้ำซุป โชยุ สาเก (อันนี้ไม่มีก็ไม่ต้องใส่) และน้ำตาลทราย (แบบไม่ขัดสีจะหอมกว่า) ค่ะ
สำหรับน้ำซุปที่พิมใช้วันนี้เป็นน้ำซุปปลาแห้งนะคะ พิมเอาสาหร่ายคอมบุ 10 กรัม ที่ทำความสะอาดแล้ว แช่ในหม้อที่มีน้ำเปล่า 1000 กรัม 45 นาที จากนั้นยกหม้อขึ้นตั้งไฟ พอน้ำเริ่มเดือดก็ตักสาหร่ายออก แล้วใส่ปลาโอแห้ง 15 กรัม ลงไปต้ม พอน้ำเดือดจัด ๆ ก็ปิดไฟเตาได้เลย แล้วก็ทิ้งไว้สัก 5 นาที ก่อนจะกรองเอาแต่น้ำมาใช้เป็นน้ำซุปค่ะ สำหรับใครที่ไม่มีเวลาหรือรู้สึกว่าวิธีการที่พิมทำมันยุ่งยากไป จะซื้อน้ำซุปปลาแห้งแบบเข้มข้นที่มีขายตามซุปเปอร์มาร์เกต มาเจือจางกับน้ำเปล่า หรือจะซื้อซุปปลาแห้งแบบผง มาละลายน้ำแล้วใช้เป็นน้ำซุปก็ได้ หรือถ้าใครหาไม่ได้จริง ๆ จะใช้เป็นน้ำเปล่าก็ได้ เอาที่สะดวกเลยนะคะ 😊😊
ถึงตรงนี้ก็รอให้น้ำในกระทะเดือดค่ะ
พอน้ำเดือดแล้ว เราก็ใส่หมูที่หั่นไว้ลงไปนะคะ .... หลังจากนั้นพอน้ำในกระทะเดือดอีกรอบ ก็ให้ลดไฟลงเป็นไฟกลางค่อนไปทางอ่อน แล้วตุ๋นหมูในน้ำซุปโชยุไปเรื่อย ๆ ค่ะ
ใครที่ชอบหมูตุ๋นแบบไม่นุ่มมาก ให้ต้มอีกสักประมาณ 30 นาทีนะคะ แต่ถ้าใครชอบหมูแบบนุ่มละลายในปาก ก็ให้ต้มไฟอ่อน ๆ ประมาณ 45 นาที - 1 ชม.หรือจนหมูนุ่มตามที่ชอบค่ะ ซึ่งสุดท้ายแล้วจากน้ำซุปที่ท่วมๆ หมู ก็จะเหลือน้ำซุปแค่แบบขลุกขลิกตามในภาพ พอเอาไว้ให้เราได้คลุกข้าวหรือราดข้าวนะคะ 😊😊
*** ระหว่างตุ๋น ถ้าน้ำแห้ง เติมน้ำได้ทีละหน่อยค่ะ
*** หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมพิมต้องต้มหมูให้นุ่มประมาณนึงก่อนแล้วค่อยมาตุ๋นกับโชยุอีกที เหตุผลก็เหมือนกับเวลาเราทำหมูหวานนะคะ ถ้าเราต้มหมูกับน้ำซุปที่มีน้ำตาลตั้งแต่แรกเลย น้ำตาลจะไปรัดหมูทำให้หมูนุ่มแบบกระด้าง แต่ถ้าเราต้มหมูให้นุ่มประมาณนึงก่อน แล้วค่อยมาตุ๋นในซุปโชยุที่มีน้ำตาลอีกที มันก็จะออกมานุ่มแบบละมุน ๆ แต่ .... ถ้าใครไม่ซีเรียสกับเรื่องนี้ ก็สามารถใส่ส่วนผสมทั้งหมด (ยกเว้นน้ำเปล่า ใส่ไปแค่ 1 ถ้วยก่อน ถ้าไม่พอค่อยเติมเพิ่ม) แล้วต้มรวมกันทีเดียวยาวไป 1 - 2 ชม. ได้เลยค่ะ
*** หลังจากต้มหมูในซุปไปสัก 5 นาทีให้ลองตักน้ำซุปขึ้นมาชิมนึดนึงว่าได้รสชาติเค็มหวานตามที่ชอบไหมนะคะ เอาแค่รสชาติแบบคร่าวๆ เพราะเดี๋ยวพอเราเคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนน้ำซุปแห้งเป็นซอส รสชาติมันจะเข้มขึ้นอีกประมาณนึงค่ะ ถ้าชิมแล้วรู้สึกว่าเค็มไปอยากให้หวานกว่านี้ก็เติมน้ำตาลเพิ่มได้ หรือถ้ารู้สึกว่าหวานไปก็เติมโชยุเพิ่มได้ ที่พิมทำจะออกเค็ม ๆ หวาน ๆ นะคะ
*** เวลาตุ๋นหมูให้ใช้ไฟอ่อน หมูจะออกมาเป็นชิ้นสวยงาม ไม่เละและไม่แยกชั้นค่ะ
สำหรับเมนูนี้ ถ้าใช้หมูสามชั้น พิมแนะนำให้กินร้อน ๆ นะคะ แต่ถ้าเป็นหมูส่วนอื่นจะกินเวลาไหน ร้อนหรือเย็นก็ได้ ไม่มีปัญหาค่ะ
เวลากินจะตักโปะลงไปบนข้าวเลย หรือว่าตักแยกข้าวแยกกับแบบนี้ก็ได้นะคะ ที่สำคัญอย่าลืมต้นหอมซอยกับขิงซอยโรยหน้านิดหน่อยเพื่อความสวยงาม และความหอมค่า และถ้าใครชอบเผ็ด ๆ อยากให้มีอะไรมาตัดเลี่ยน ก็เอาพริกเหลืองหรือพริกแดงจินดาไปปั่นกับน้ำส้มสายชูและเกลือนิดหน่อย ความข้นใสตามที่ชอบ ก็จะได้เป็นน้ำจิ้มแบบง่าย ๆ ไว้สำหรับกินกับหมูตุ๋นโชยุแล้วค่ะ
หมูตุ๋นโชยุสูตรนี้ เป็นหมูตุ๋นแบบง่ายๆ เน๊าะคะ ทั้งส่วนผสมทั้่งวิธีการทำไม่มีอะไรยุ่งยาก จริง ๆ เท่าที่พิมเคยดูต้นฉบับเค้าจะใส่สาเก มิรินด้วยซึ่งเป็นเหล้าสำหรับทำอาหารของญี่ปุ่น แต่พิมเชื่อว่าคนไทยเราอ่ะบางทีอยากกินเมนูประมาณนี้ แต่เครื่องมันก็ไม่ครบนะ ครั้ันจะซื้อมาเก็บไว้เพื่อทำ มันก็ไม่ได้ทำบ่อย ๆ อ่ะค่ะ เพราะงั้นแล้วพิมก็เลยตัดส่วนผสมบางอย่างออกไป และหาส่วนผสมอย่างอื่นที่ให้รสชาติใกล้เคียงมาแทน ถึงแม้ว่าออกมาแล้ว จะไม่ได้รสชาติเป๊ะ ๆ แบบหมูตุ๋นโชยุสไตล์ญ๊่ปุ่น 100% แต่ด้วยใจแล้ว พิมเชื่อว่ามันก็อร่อยอยู่นะคะ 😊😊
หมูตุ๋นโชยุสูตรนี้รสชาติออกเค็มนำเน๊าะ ตามด้วยหวานแบบกลมกล่อม ใครที่อยากได้กลิ่นพริกมาตัดเลี่ยน ก็ใส่พริกแห้งจินดาทั้งเม็ดได้เลย แต่ถ้าใครชอบให้เผ็ด ๆ นิดนึง ก็ใช้กรรไกรหรือมีดหั่นพริกแต่ละเม็ดให้เป็นสองส่วนซะก่อน ก็จะได้หมูตุ๋นโชยุที่มีความเผ็ดขึ้นมานิดนึง หรือถ้าใครไม่ได้อยากได้ทั้งกลิ่นทั้งรสเผ็ด จะไม่ใส่เลยก็ได้ แต่พิมว่าใส่แล้วอร่อยดีนะคะ
ยังไงลองไปทำกันดูน๊า ติดขัดตรงไหนก็มาถามไถ่กันได้ค่ะ
เครื่องปรุงหลักอย่างโชยุ เดี๋ยวนี้ก็หาซื้อง่ายมาก มีหลากหลายยี่ห้อ ในแมคโคร ตามห้าง ในเซเว่นมีขายหมดเลย ลองไปดูนะคะ 😊😊
*** กินไม่หมด เก็บใส่กล่องปิดฝา แช่ตู้เย็นได้เป็นอาทิตย์เลยค่ะ