วันนี้พิมกับคุณสามีจะมาชวนเพื่อน ๆ ไปเที่ยวจังหวัดตราดกันนะคะ จังหวัดตราดมีอะไร มีสถานที่ท่องเที่ยวแบบไหน แต่ละที่เดินทางไปยังไง ที่สำคัญมีอาหารอะไรอร่อย ๆ บ้าง .... เพื่อนๆ คนไหนสนใจ ตามพิมมาเลยค่า
ทริปนี้เนี่ยจะว่าไปเป็นทริปที่ตอนแรกพิมกับคุณสามีไม่ได้ตั้งใจไปนะคะ คือยังไงดีล่ะ เวลาเอ่ยถึงจังหวัดตราด ถ้าแบบไม่หาข้อมูลอะไรเลย พิมก็จะคิดว่าจังหวัดตราดก็มีแต่ทะเล มีแต่เกาะประมาณนี้อ่ะค่ะ ซึ่งเกาะเด่นๆ ของจังหวัดตราดเท่าที่พิมพอรู้มา ก็จะมีเกาะช้าง กับเกาะกูด ที่ทาง Traveloka ยกให้เป็นส่วนหนึ่งของ 8 อันดับเกาะสุดฮิตที่ห้ามพลาดสำหรับซัมเมอร์ปี 2017 เลยนะคะ ซึ่งถ้าใครอยากไปเที่ยว 2 เกาะนี้แบบชิวๆ ไม่อยากต้องไปลำบากหาที่จองเอาข้างหน้า เพื่อน ๆ ก็สามารถเข้าไปจองที่พักบนเกาะ 2 เกาะนี้แบบล่วงหน้า ได้ที่ Traveloka อ่ะค่ะ เพราะนอกจากจะสะดวกสบายแล้ว ก็ยังได้ราคาดีกว่าที่อื่น แถมไม่มีบัตรเครดิตก็จองได้ด้วยนะคะ ^_^
และก็นั่นแหละค่ะ พอมีเพื่อนที่เห็นพิมไปเที่ยวต่างจังหวัดบ่อย ๆ มาบอกว่า เอ๊ยยย พิมไม่ลองไปจังหวัดตราดดูเหรอ ตราดมีอะไรดี ๆ มากกว่าที่พิมคิดเยอะเลยนะ พิมก็เลยเริ่มสนใจตราดล่ะค่า แล้วหลังจากหาข้อมูลจากทั่วทุกสารทิศ ก็ได้มาเป็น #ทริปตราด ในวันนี้แหละจ้า
ทริปตราดในครั้งนี้ของพิมกับคุณสามีเนี่ย เป็นทริป 4 วัน 3 คืนนะคะ จริง ๆ ตราดน่ะมีอะไรเยอะมาก มากกว่า 4 วัน 3 คืนจะเที่ยวหมดกินหมด แต่ครั้งนี้พิมขอคัดแบบน่าสนใจ ๆ เน้น ๆ มาสักชุดนึงก่อน แล้วเดี๋ยวถ้ามีเวลาอีกในเดือนหลัง ๆ พิมจะค่อยพามาเพื่อนๆ ไปเที่ยวตราดกันอีกสักรอบนะคะ
เริ่มต้นทริปครั้งนี้ กันที่บ้านพิมค่ะ ....... พิมกับคุณสามีเริ่มต้นการเดินทางจากบ้านที่กรุงเทพฯ ตอนประมาณ 8 โมงกว่า ๆ นะคะ ระหว่างทาง ตอนแรกเนี่ยฟ้าใสมากกก..กก.ก.ก.ใสแบบปิ๊ง ๆ เลย แต่แล้วบางช่วงของการเดินทาง ก็มีฝนตกหนักเป็นระยะ ๆ เลยกว่าจะไปถึงตัวเมืองตราด ก็ปาเข้าไปบ่ายโมงกว่า ๆ แล้วอ่ะค่ะ แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรกับแผนการเดินทางที่พิมวางไว้ เพราะวันนี้พิมกะว่าเที่ยวและชิมแบบชิว ๆ ค่า ^_^
มาถึงเมืองตราดเอาตอนบ่าย ๆ สิ่งแรกเลยที่รู้สึกคือ หิว..ที่สุด นะคะ -*- พิมเลยตรงไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวปูสุขุมวิทก่อน ซึ่งร้านนี้เนี่ยเป็นร้านที่ใคร ๆ ต่างพูดกันว่า ถ้ามาเมืองตราด ต้องไม่ลืมมากินอาหารที่ร้านนี้ค่ะ ^_^
** ถ้าชอบก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา เกี๊ยวปลา แนะนำร้าน "ป้าสาวข้าวมันไก่ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ" ที่อยู่ในปั๊มเชลล์ ก่อนถึงตัวเมืองนะคะ เป็นเกี๊ยวปลาที่รสชาติน้ำซุปแบบคนสมัยก่อน อร่อยดีค่ะ
ร้านก๋วยเตี๋ยวปูสุขุมวิท เป็นร้านเล็ก ๆ หลังคามุงสังกะสี อยู่ในซอยหลังตลาดเทศบาล อ. เมืองตราดนะคะ ถ้าใครกลัวว่าจะมายาก ให้พิมพ์คำว่า "ก๋วยเตี๋ยวปูสุขุมวิท" ใน Google Maps ได้เลย รับรองพี่ Google พามาถูกที่แน่นอนค่ะ
ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวปูเนี่ย เค้ามีเมนูหลากหลายนะคะ ไม่ว่าจะข้าว จะก๋วยเตี๋ยว
แต่ที่พิมว่าเด็ดเลยก็คือเมนูนี้ค่ะ ไข่ปูผัดพริกขี้หนูราดข้าว ราคาจานละ 50 บาท ไข่ปูหอม ๆ ทอดเล็กน้อยให้พอกรอบ ๆ แล้วเอามาผัดกับพริกขี้หนูกระเทียมเจียว อารมณ์เหมือนผัดพริกเกลือ มีรสเค็มนิดๆ กินคู่กับข้าวหอมมะลิแนมด้วยผักชีสด ๆ และพริกน้ำปลาสักหน่อย อร่อยที่สุดเลยค่ะ ^_^ (ในภาพพิมสั่งเผ็ด ๆ ก็เลยมีพริกขี้หนูเยอะนิดนึง)
แต่ส่วนคุณสามีพิม มื้อนี้เค้าบอกว่าอยากกินก๋วยเตี๋ยวก็จัดไปค่ะ ก๋วยเตี๋ยวทะเลรวม ใส่ทั้งปู หมึก ปลา กุ้ง แม้หน้าตาอาจจะตกแต่งไม่สวยงามสักเท่าไหร่ เพราะเป็นก๋วยเตี๋ยวแบบบ้านๆ แต่รสชาติโอเคเลยนะคะ น้ำซุปมีความหวานหอม มีกลิ่นของทะเลอยู่ค่า
แล้วขณะที่นั่งกินอยู่ ทางร้านก็มาถามว่าเอาน้ำมะพร้าวไหมคะ แก้วละ 20 บาท (1 แก้ว คือ 1 ลูก) ตอนนั้นพิมกับคุณสามีก็ไม่ได้คิดอะไร เอาก็เอาค่ะ แก้วละ 20 บาทเอง ปรากฎว่าอร่อยมากกกก น้ำมะพร้าวหวานหอมมาก (ไม่ใส่น้ำตาล) แช่มาพอเย็น ๆ กินแล้วสดชื่นที่สุดเลยค่ะ แถมทางร้านเค้าแคะเอาเนื้อมะพร้าวจากลูกใส่แก้วมาให้ด้วย เราก็เลยไม่ต้องลำบากแคะเนื้อมะพร้าวเอง ที่สำคัญเนื้อมะพร้าวนี่นุ่มนิ่มมาก พอได้กินพร้อมกับน้ำมะพร้าว อร่อยที่สุดเลยค่ะ เรียกได้ว่าถ้ามาร้านก๋วยเตี๋ยวปูสุขุมวิท ต้องไม่ลืมสั่งข้าวไข่ปูผัดพริกขี้หนูกับน้ำมะพร้าวมากินคู่กันนะคะ รับรองไม่ผิดหวังค่า ^_^
ร้านนี้เปิด 8 โมงเช้า ปิดบ่าย 2 ครึ่งนะคะ เบอร์โทร 039-511972 จ้า
อ้อ ๆ เกือบลืมเล่าแน่ะค่ะ ระหว่างนั่งกินเตี๋ยวปูกันอยู่ พิมก็ได้โทรคุยกับน้องเจ้าถิ่นคนนึงที่เป็นคนเมืองตราดมาตั้งแต่เกิด น้องเค้าบอกกับพิมและคุณสามีว่า ที่ อ.เมืองตราดเนี่ย มีร้านลูกชิ้นปิ้งร้านนึงที่น้ำจิ้มอร่อยมากกกกกก เป็นน้ำจิ้มที่มีรสหวานเปรี้ยวกลมกล่อมมาก และเป็นสูตรที่ไม่ใช้แป้งในการทำให้ข้นเหนียว แต่จะใช้การเคี่ยวเป็นเวลาประมาณ 3 ชม. แทนนะคะ ในเมื่อน้องเจ้าถิ่นพูดอย่างนี้ พิมก็ต้องไปลองซะหน่อยล่ะค่า ^^
ร้านลูกชิ้นร้านนี้ เป็นร้านเล็กๆ ตั้งอยู่หน้าตึกแถวริมถนนที่อยู่ข้าง ๆ ห้างทองกรกช ข้างธนาคารกรุงเทพฯ นะคะ ถ้าเดินมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวปูล่ะก็ ประมาณ 6 นาที แต่ถ้าขับรถมาก็ประมาณ 2 นาทีเท่านั้นค่ะ ที่ร้านนี้เนี่ยเค้าจะไม่ขายลูกชิ้นหลายอย่างนะคะ จะขายแค่ลูกชิ้นหมูอย่างเดียว และก็ไส้กรอกอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งตอนแรกพิมก็นึกไม่ออกนะคะว่าจะอร่อยยังไง เพราะแถวบ้านพิมก็มีลูกชิ้นย่างน้ำจิ้มประเภทนี้เยอะแยะเต็มไปหมดเลยอ่ะค่ะ แต่พอได้ลองกิน ต้องบอกว่าด้วยรสสัมผัสของลูกชิ้น ด้วยรสชาติน้ำจิ้ม และด้วยวิธีการย่างของเค้าที่มีความใส่ใจแบบพิเศษ ๆ ทำให้รสชาติของลูกชิ้นและน้ำจิ้มมีความเข้ากันแบบสุดๆ เลยออกมาอร่อยมากๆ เลยค่ะ อร่อยขนาดที่ปกติพิมกินลูกชิ้น/ไส้กรอกแบบนี้ทีนึงไม่เกิน 2 ไม้ แต่นี่พิมกินเข้าไป 4 หรือ 5 ไม้เลยค่า
หลังจากแวะกินของหนักและของเบารองท้องกันไปสักนิดหน่อยแล้ว (นิดหน่อยจริง ๆ น๊าาา) .... ก็ได้เวลาไปเช็คอินที่พัก เพื่อเก็บกระเป๋า และล้างหน้าล้างตากันสักหน่อยล่ะค่ะ
พูดถึงที่พักที่ในอำเภอเมืองตราดแล้ว จะว่าไปที่น่าสนใจก็มีหลายที่อยู่นะคะ ไม่ว่าจะเป็นบ้านริมน้ำ Toscana เซ็นทารา The Artist Place บ้านชานทะเล Little Chick และที่อื่นๆ แต่เหตุที่คืนนี้พิมและคุณสามีเลือกพักที่บ้านริมคลองนี่ก็เพราะบ้านริมคลองอยู่ไม่ไกลจากตลาดเช้ามากนักนะคะ คืออยู่ในระยะที่เดินได้สบาย ๆ พิมเลยกะว่าถ้าพักที่นี่ ตอนเช้าก็เดินไปตลาดเองได้ ไม่ต้องปลุกคุณสามีให้ต้องขับรถพาไปอ่ะนะคะ แล้วราคาที่พักของที่นี่ก็ไม่สูง มีตั้งแต่ 650 950 และก็ 1200 บาท ซึ่งพิมคิดว่าเป็นราคาที่ใคร ๆ ก็สามารถมาพักได้ ที่สำคัญคือ บูติคโฮเทลโดยทั่วไป มักจะไม่ค่อยมีที่จอดรถ แต่ที่นี่มีที่จอดรถด้วย แถมที่อยู่ใกล้ห้องพักสุด ๆ ขนาดเดินแค่ 20 ก้าวก็ถึง ... มันเลยดีงามมาก ๆ ตรงนี้แหละค่ะ ^_^
ห้องพักที่พิมจองได้วันนี้เป็นห้องพักราคา 950 บาทต่อคืนนะคะ ตอนแรกที่พิมโทรมาถาม พี่ตู่ที่เป็นเจ้าของโฮเทลบอกว่าที่พักที่นี่มี 3 ราคา คือแบบห้องละ 650 , 950 และ 1200 บาทค่ะ พี่ตู่ก็ถามพิมว่าจะจองห้องแบบไหน แต่พิมใช้เวลาคิดนานไปนิ๊ดดดดดดดนึง 2 วัน กว่าๆ ฮ่าๆ ปรากฎว่าพอโทรไปจองอีกที เหลือแต่ห้องพักแบบ 950 ... ก็เลยไม่ต้องเลือกล่ะค่า ว่าจะเอาแบบไหน ^_^
พูดถึงห้องพักห้องละ 950 บาท ตอนแรกที่พิมดูจาภภาพในเนต พิมก็ว่ามันไม่น่าจะแตกต่างจากห้องพักที่อื่นเท่าไหร่นะคะ แต่เอาจริงๆ พอเปิดห้องเข้าไป โอ้โห.ห.ห.ห. ห้องพักดีงามมากค่ะ เตียงก็เป็นแบบเตียงใหญ่ นอนสบาย ผ้าห่มก็นหนานุ่ม แถมยังมีหมอนให้หลายใบ เฟอร์ส่วนใหญ่เป็นโทนขาวครีมและสีไม้ ดูสบายตาดีเลยนะคะ แต่เสียอย่างเดียวคือ ห้องพักที่นี่น้ำจากฝักบัวไม่ค่อยแรง เวลาอาบน้ำกว่าจะล้างเสร็จเลยต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่ถ้าใครไม่รีบ ก็ไม่เป็นไร สบาย ๆ เลยอ่ะค่ะ
หลังจากล้างหน้าล้างตาและให้คุณสามีนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนเตียงพักนึง เพื่อคลายความเมื่อยล้าจากการที่ต้องตื่นเช้า และขับรถมาเป็นระยะทางไกล ..... ก็ได้เวลาที่จะไปเที่ยวกันต่อแล้วล่ะค่ะ ^_^ แต่ก่อนจะไปเที่ยวต่อ ... พิมและคุณสามีขอไปหาอะไรรองท้องกันอีกสักนิ๊ดนึงก่อนนะคะ ัืืืืืืืืื เพราะที่กินไปเมื่อกี้เริ่มจะย่อยหมดแล้วอ่ะค่า ^^"
เริ่มต้นกันที่ร้านแรกกับร้าน #กล้วยปิ้งป้านา ....... นะคะ
#กล้วยปิ้งป้านา ถือได้ว่าเป็นร้านกล้วยปิ้งในตำนานเลยอ่ะค่ะ ด้วยความที่ป้านาขายมานาน และน้ำราดกล้วยปิ้งของป้าก็อร่อยมาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าเราคุยกับคนเมืองตราดแล้วบอกว่าจะไปกินกล้วยปิ้งร้านป้านา หลายคนอาจจะไม่รู้จักนะคะ เพราะบางทีเวลาป้านาเจอลูกค้างี่เง่า ๆ เช่น มาถึงหน้าร้านปุ๊บ ก็จะเอาเลยทั้งที่กล้วยปิ้งมันยังปิ้งไม่สุก และแสดงอารมณ์ไม่พอใจใส่ป้า ป้านาก็จะไม่ค่อยยิ้ม หลายคนเลยมักจะเรียกกล้วยปิ้งป้านา ว่ากล้วยปิ้งหน้างอแทนอ่ะค่ะ ทั้งที่จริงแล้วป้านาตัวจริงใจดีมากกกกกก และน่ารักมากกนะคะ ^_^
พูดถึงป้านาไปแล้ว จะไม่พูดถึงกล้วยปิ้งป้านาเลยก็คงไม่ใช่ที่ ... หลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ กล้วยปิ้งป้านาดีตรงไหน กล้วยปิ้งมันก็คือกล้วยปิ้ง ก็เห็นมีขายกันเกลื่อนกลาดทั่วไป แล้วกล้วยปิ้งป้านาล่ะมีดีอะไร
ความอร่อยของกล้วยปิ้งป้านา ถ้าจะให้พูดกันจริงๆ แล้ว ก็มาจากความพิถีพิถันในการเลือกกล้วยและปิ้งกล้วยของป้านาอ่ะค่ะ ป้าน้าจะบรรจงเลือกกล้วยเองทุกหวี และปิ้งกล้วยบนเตาถ่านอย่างใจเย็น ไม่เร่งใส่ถ่านให้แรง ๆ เพื่อให้กล้วยสุกไว เพราะมันจะทำให้สัมผัสและรสชาติของกล้วยปิ้งเสีย แถมน้ำราดกล้วยของป้าก็ยังมีการผสมผสานระหว่างน้ำตาลอ้อย น้ำตาลปี๊บ และน้ำตาลทราย ทำให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมมาก ๆ เลยค่ะ ที่สำคัญป้าจะเลือกกล้วยได้ตรงใจคนกินอย่างมากๆ เช่น ถ้าชอบกล้วยห่ามก็บอกป้าเลยว่าเอากล้วยห่ามๆ นะ ป้าก็จะเลือกเฉพาะแต่กล้วยห่ามให้ ป้าจะไม่ยัดเยียดเอากล้วยนิ่มใส่มาผสม หรือถ้าลูกค้าชอบกล้วยนิ่ม ป้าก็จะไม่เอากล้วยห่ามใส่ลงไปด้วย ที่สำคัญป้านาขายราคาไม่แพง ชุดนึงพร้อมน้ำจิ้มแค่ 20 บาทเท่านั้น ทำให้กล้วยปิ้งป้านามีชื่อเสียง และมีความอร่อยถึงขนาดที่บางครั้งต้องมาต่อคิวซื้อกันเลยอ่ะค่า ^_^
ว่าแล้วพิมก็เลยขอเคล็ดลับวิธีย่างกล้วยจากป้านาสักหน่อย เผื่อว่าวันไหนตกงาน (จากงานปัจจุบัน) ไม่มีใครเค้าจ้างทำงานแบบนี้แล้ว จะได้มาปิ้งกล้วยเลี้ยงชีพค่า ^_^
อ้อๆ เกือบลืม ที่ร้านป้านานอกจากจะมีกล้วยปิ้งอร่อย ๆ แล้ว ก็ยังมีน้ำกระเจี๊ยบ และน้ำระกำที่ป้านาชงไว้ขายลูกค้าที่มาซื้อกล้วยปิ้งอีกด้วยนะคะ น่าเสียดายว่าวันที่พิมไป น้ำระกำหมดแล้ว เหลือแต่น้ำกระเจี๊ยบ แต่ก็อร่อยชื่นใจสุด ๆ ไปเลยค่า
จากร้านป้านา เดินเลยมาทางตลาดสดนิ๊ดดดนึง ก็จะเจอกับร้านในตำนานอีกร้านนึง ก็คือร้านขายหมึกย่างนะคะ
ถามว่าทำไมถึงเรียกว่าร้านในตำนาน ... ก็เพราะว่าหมึกย่างร้านนี้เปิดขายมานานมากๆ แล้วอ่ะค่ะ และที่สำคัญคือความอร่อยที่ไม่เหมือนใคร เพราะปกติถ้าเราพูดถึงหมึกสดย่าง เราก็จะนึกถึงหมึกสดย่างแล้วจิ้มกับน้ำจิ้มเผ็ด ๆ เปรี้ยว ๆ ใช่ไหมคะ ... แต่ถ้ามากินหมึกย่างร้านนี้ ให้ลบความคิดนั้นทิ้งไปได้เลยค่ะ เพราะหมึกย่างของที่นี่แตกต่างจากที่เราคิดกันไว้อย่างสิ้นเชิง ^^"
หมึกย่างของที่นี่จะเป็นหมึกย่างที่มีรสชาติเผ็ดหวานแบบสามรสนะคะ ถ้าเพื่อน ๆ นึกไม่ออกว่าสามรสคือแบบไหน ก็ให้นึกถึงเวลาที่เราซื้อหมึกบดแบน ๆ สีแดงส้ม ชุ่มน้ำซอส ตามตลาดหนองมนที่ขายเป็นขีด ๆ 50-60 บาท (สมัยนี้น่าจะเกือบร้อย) อะไรทำนองนั้นอ่ะค่ะ แบบว่ารสชาติอย่างเดียวกันเลย ซึ่งวิธีการย่างหมึกของที่นี่ เค้าก็จะเอาหมึกสดตัวขาวๆ แบบไม่หมักอะไรเลยมาเสียบไม้นะคะ แล้วนำไปย่าง พอเริ่มสุกก็เอาไปจุ่มในน้ำจิ้มสีแดง ๆ ที่มีรสเผ็ดหวาน เสร็จแล้วก็เอาไปย่างต่อจนน้ำจิ้มแห้งหนึบ ๆ ติดตัวหมึก (ตรงนี้แหละทีเด็ดสุดๆ) แล้วค่อยเอาลงมาจิ้มน้ำจิ้มอีกที ก่อนจะใส่ถุงให้ลูกค้าอ่ะค่ะ ซึ่งตอนแรกที่พิมยังไม่ได้ชิม พิมก็จินตนาการรสชาติไม่ออกนะคะ แต่พอได้ชิมแล้ว ถึงกับร้องว้าวเลยค่า คือ มันอร่อยมากจริง ๆ หมึกสด ๆ กรอบ ๆ เนื้อเด้ง ๆ เคลือบไปด้วยน้ำจิ้มรสเผ็ดหวาน ดีงามสุดๆ เลยค่ะ
แถมที่ดีงามพอ ๆ กับรสชาติ นั่นก็คือเรื่องของราคา เพราะไม้ว่าจะหนวดล้วน หรือเนื้อหมึกล้วน ก็ราคาแค่ไม้ละ 12 บาทเท่านั้นเองค่ะ พิมถามลูกสาวป้าสายว่าทำไมถึงขายราคานี้ได้ เพราะหมึกสมัยนี้ราคาก็ไม่ใช่ถูก ๆ แล้วนี่ก็ไม่ใช่หมึกอินโดที่โลละ 50-60 บาท แต่เป็นหมึกไทยๆ ที่จับได้ในทะเลไทยด้วยอ่ะ ลูกสาวป้าสายก็บอกว่าเพราะเป็นหมึกที่จับได้จากแถวนี้นี่แหละค่ะ นอกจากจะสดปิ๊ง ๆ แล้ว ราคาก็ไม่แพง ก็เลยขายราคานี้ได้ เพราะงั้นแล้วถ้าเพื่อนๆ คนไหนผ่านมาแถวนี้ อย่าลืมไปแวะชิมนะคะ ^_^
ปล. อย่าถามน๊าว่าคุณสามีกับพิมกินไปกันทั้งหมดกี่ไม้ เพราะนับไม่ได้ค่ะ 555
จากร้านหมึกย่าง ... เราขับรถตรงไปไม่ไกล ประมาณสัก 2 นาที หรือถ้าเดินก็สัก 5 นาที เราก็จะถึงศาลเจ้าพ่อหลักเมืองตราดซึ่งเป็นสิ่งสำคัญคู่บ้านคู่เมืองตราด เป็นศูนย์รวมจิตใจของทั้งคนไทยและคนจีนชาวเมืองตราดมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนะคะ
ซึ่งภายในบริเวณศาลหลักเมือง จะมีเสาต้นใหญ่อยู่ 2 ต้น ต้นที่สูงจะเป็นเสาหลักเมือง ส่วนต้นที่ต่ำจะเป็นเสาศิวลึงค์ เมื่อก่อนเสาศิวลึงค์จะอยู่ที่บ้านห้วยแร้ง (ที่พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปเที่ยวกัน) แต่เจ้าเมืองในสมัยนั้น เมื่อเดินทางไปห้วยแร้ง เห็นมีผู้คนกราบไหว้เสานี้กันเยอะ เพราะเชื่อว่าช่วยรักษาโรคภัยได้ ก็เลยอัญเชิญเสานั้นมาอยู่ที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองตราด เพื่อให้เป็นของสำคัญคู่บ้านคู่เมืองตราดมาจนถึงปัจจุบันนี้อ่ะค่ะ ส่วนศาลเจ้าพ่อนั้น แต่เดิมจะอยู่ด้านหลังศาลหลักเมืองนะคะ เป็นอาคารไม้มุงสังกะสี ต่อมาพอเวลาผ่านไปก็ชำรุดทรุดโทรมตามสภาพ เลยมีการสร้างอาคารหลังใหม่ขึ้นมาแทน และมีการอัญเชิญเจ้าพ่อมาประทับด้วยอ่ะค่ะ
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองตราด นอกจากจะเป็นสถานที่คู่บ้านคู่เมืองตราดแล้ว ก็ยังเป็นศูนย์กลางเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคนไทยกับคนจีนในเมืองตราด ดังนั้นแล้วทุกวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี ก็จะมีการจัดงานฉลองที่เรียกเป็นภาษาไทยว่า “วันงานพลีเมือง” หรือเรียกเป็นภาษาจีนว่า “วันเซี่ยกงแซยิด” หมายถึง วันเกิดเจ้าพ่อหลักเมืองนะคะ ซึ่งในงานก็จะมีพิธีทำบุญตักบาตรแบบไทย และนอกนั้นก็จะมีงานประจำปีศาล คืองานปุงเถ้าม้าแบบจีน ในช่วงก่อน และหลังตรุษจีน 1 เดือนด้วยอ่ะค่ะ ^_^
อีกเรื่องนึงที่ทำให้คนเมืองตราดนิยมมาไหว้ขอพรจากเจ้าพ่อหลักเมือง ก็เพราะคนเมืองตราดเชื่อกันว่าเจ้าพ่อท่านใจดี หากใครยังไม่มีลูก แล้วมาขอพรกับท่าน มาไหว้ท่าน ก็จะสมหวังในเวลาไม่นานด้วยอ่ะค่ะ
ก่อนกลับ ... น้องเจ้าถิ่นที่พาพิมไปไหว้เจ้าพ่อหลักเมืองก็ชวนให้พิมลองเสี่ยงเซียมซีดู ตอนแรกพิมก็เฉยๆ นะคะ ไม่อยากเสี่ยง เพราะปกติพิมเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรเสี่ยงทาย ส่วนนึงกลัวว่าถ้าเจออะไรไม่ดีขึ้นมาแล้วจะไม่สบายใจ แต่น้องก็คะยั้นคะยอบอกเอาหน่อยเถอะ สรุปแล้วพิมก็เลยลองเสี่ยงดูสักครั้งค่ะ ปรากฎว่าออกมาดีงาม อ่านแล้วสบายใจ ยิ้มหน้าบานไปสามวันเลยค่า ^_^
จากศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ก็ได้เวลาอาหารเย็นของพิมกับคุณสามีล่ะค่ะ ... มื้อนี้เราสองคนได้รับคำแนะนำจากคนตราดเองเลยว่า ถ้าอยากกินอาหารพื้นบ้าน อาหารพื้นเมืองตราด ให้มาที่ #ภัตตาคารแสงฟ้า เลยนะคะ
#ภัตตาคารแสงฟ้า เป็นร้านอาหารประจำเมืองตราดที่เปิดมานานหลายสิบปีแล้วค่ะ แต่ด้วยความที่ร้านมีการ renovate อยู่เรื่อยๆ เพราะงั้นก็เลยจะเป็นร้านที่ดูทันยุคทันสมัยอยู่ตลอดเวลานะคะ
ที่ภัตตาคารแสงฟ้า มีเมนูเด็ด ๆ น่าสนใจอยู่หลายอย่าง แต่ด้วยความที่พิมกับคุณสามี และน้องอีกคนนึงเท่านั้น จะสั่งทุกอย่างที่เด็ด ๆ คงไม่ไหว -*- ก็เลยเลือกสั่งแต่ที่เด็ด ๆ และอยากกินมาอ่ะค่ะ
และเมนูของร้านแสงฟ้าที่พิมอยากนะนำ เมนูแรกก็คือ ต้มส้มระกำปลากะพง นะคะ .... ต้มส้มของที่นี่มีความพิเศษตรงที่ตอนทำเค้าจะใส่ระกำลงไปด้วยค่ะ ทำให้น้ำต้มส้มเนี่ยเข้มข้น เปรี้ยวหวานกลมกล่อม และก็จะใส่พริกบดลงไปนิดหน่อย ทำให้มีรสเผ็ดเล็กน้อย ทานแล้วไม่เลี่ยน แถมยังช่วยชูรสชาติต้มส้มให้ชัดเจนมากขึ้นอีกด้วยนะคะ ^_^
จานถัดมาก็จะเป็นออส่วนสูตรเฉพาะของร้านแสงฟ้าค่ะ เป็นออส่วนหอยนางรมที่ให้ความรู้สึกคล้าย ๆ กับจะเป็นหอยทอด แต่ก็ไม่ใช่ แถมออส่วนทั่วไปเค้าจะกินกับถั่วงอก แต่ออส่วนที่นี่เค้าจะกินคู่กับกะหล่ำปลีสดซอยละเอียดนะคะ แล้วก็ทานคุ่กับซอสพริกสูตรของทางร้าน ก็จะได้รสชาติอร่อยไปอีกแบบค่ะ
ต่อมาเป็นอีกจานที่พิมอยากแนะนำนะคะ ก็คือ หอยจ๊อปู ที่เน้น ๆ ปูเลยอ่ะค่ะ ^_^ รสชาติของหอยจ๊อที่นี่จะไม่จัดมาก เป็นหอยจ๊อรสชาติแบบจีน ๆ และมีความเผ็ดนิดๆ ของพริกไทยนะคะ ทานคู่กับสับปะรดตราดสีทอง ซึ่งเป็นสับปะรดพันธุ์พื้นบ้านของเมืองตราด และน้ำจิ้มบ๊วยเจี่ยที่ทางร้านปรุงขึ้นมาเอง อร่อยจนเผลอกินไปคนเดียว 5 ลูกเลยค่ะ >_< (คือทั้งจานมันมี 7 ลูกนะ 55)
และสำหรับจานสุดท้าย จานนี้เนี่ยพิมยกนิ้วให้เป็นที่สุดของความอร่อยที่พิมได้กินที่ร้านแสงฟ้าในวันนี้เลย ก็คือ ปลาเห็ดโคนผัดพริกขิงนะคะ ... ซึ่งเมนูนี้เนี่ยทางร้านเค้าจะเอาปลาเห็ดโคน (ถ้าใครไม่รู้จัก ไป search ดูหน้าตาปลาใน google เลยน๊าา) มาแล่ไว้เฉพาะเนื้อ แล้วเอาไปชุบแป้งบาง ๆ ทอดให้กรอบค่ะ จากนั้นก็ค่อยนำไปผัดกับเครื่องแกงผัดพริกขิงที่ทางร้านตำเอง (ตำวันต่อวันนะคะ) ปรุงรสเผ็ด เค็ม หวาน ตามแบบฉบับของผัดพริกขิง แล้วทานคู่กับใบกะเพราทอดกรอบ ราดด้วยน้ำต้มส้มปลากะพงชุ่ม ๆ นิ๊ดดนึง ขอบกว่าทำเอาพิมกินข้าวหมดไป 2 จานเลยอ่ะค่ะ T__T แบบว่าดาเมจรุนแรงมาก 555
ส่วนค่าเสียหายสำหรับมื้อนี้ บอกตรง ๆ เลยนะคะว่าไม่แพง อาหารทั้งหมด 4 จาน รวมหอยจ๊อปูเน้น ๆ รวมข้าวเปล่า และน้ำดื่ม ราคาอยู่ที่ 500 กว่าบาทเองค่ะ เรียกว่างานนี้ทั้งอร่อยทั้งสบายกระเป๋าเลยค่า ^_^
จบจากอาหารมื้อเย็นที่ร้านแสงฟ้าแล้ว ก่อนจะกลับเข้าที่พักเพื่อไปอาบน้ำพักผ่อน พิมกับคุณสามีก็ขอไปตามหาขนมหวานอร่อย ๆ ทานสักหน่อย เพื่อเป็นการจบมื้อนี้อย่างสวยงามนะคะ ^_^ ซึ่งหลังจากสอบถามเจ้าถิ่นแล้ว เค้าก็บอกว่าถ้าเป็นขนมหวานที่ขายตอนเย็น ๆ และอร่อยสุดๆ ล่ะก็ ต้อง #บัวลอยทรงเครื่อง ที่อยู่ในซอยโรงแรมตราดเซ็นเตอร์ ซึ่งห่างจากร้านแสงฟ้าไปสักประมาณ 5 นาทีได้อ่ะค่ะ
บัวลอยทรงเครื่องของที่นี่ ดูเผิน ๆ ก็แทบจะไม่แตกต่างจากบัวลอยทรงเครื่องของเจ้าอื่นเลยนะคะ แต่ถ้ารู้ความเป็นไปเป็นมาแล้ว จะพบว่าบัวลอยที่นี่อร่อยกว่าที่อื่นอย่างรู้สึกได้เลยค่า ^_^
น้องเจ้าถิ่นเล่าให้พิมฟังว่า บัวลอยร้านนี้เค้าเปิดขายมานานแล้วนะคะ ตั้งแต่สมัยน้องยังเป็นเด็กๆ ด้วยระยะเวลาที่กินกันมานาน คุยกันมานาน ก็เลยรู้ว่าป้าเจ้าของร้านเนี่ยพิถีพิถันในการเลือกวัตถุดิบทุกอย่างที่จะเอามาทำบัวลอยมากๆ เลยอ่ะค่ะ นับตั้งแต่ฟักทอง เผือก ป้าก็ต้องไปเลือกจากตลาดเอง ไม่ใช่ว่าลูกไหนอันไหนก็ได้ ป้าจะต้องเลือกแบบเนื้อฟักทองเนื้อเผือกที่ป้ารู้สึกว่ามันใช่ มะพร้าวแก่ที่นำมาคั้นเป็นกะทิ ป้าก็จะต้องไปเลือกจากสวนเองทีละลูก และเอามาขูดเองคั้นเอง เพื่อให้ได้ความเข้มข้นของกะทิตามที่ป้าต้องการ ส่วนมะพร้าวอ่อนก็ไม่ต่างกัน ป้าก็ต้องไปเลือกจากที่สวนทีละลูกทีละทะลายเหมือนกันนะคะ
และด้วยการทำอย่างใส่ใจตั้งใจ แถมป้าใส่ทุกอย่างแบบเต็มที่ ไม่หวงเครื่อง ก็เลยทำให้บัวลอยทรงเครื่องของป้าอร่อยมาก มีความหวานหอมกำลังดี และรสชาติกะทิเข้มข้นค่ะ ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ คนไหนจะตามรอยพิมไปชิมล่ะก็ แนะนำว่าให้ไปสักไม่เกินทุ่มนึงนะคะ เพราะถ้าหลังทุ่มนึงเนี่ย คิวจะยาวมาก เผลอ ๆ รอเป็นครึ่งค่อนชั่วโมงกว่าจะได้กินอ่ะค่า ^_^
และหลังจากที่วันนี้พิมกับคุณสามีเที่ยวตะลอน ๆ กันทั้งวันแล้ว ก็ได้เวลากลับเข้าที่พักไปอาบน้ำอาบท่า และเตรียมตัวนอน เพื่อลุยเที่ยวลุยกินในวันพรุ่งนี้ต่อล่ะนะคะ ซึ่งตามแพลนที่พิมคิดเอาไว้ พิมว่าตอนเช้าจะเดินไปหาของกินพื้นบ้านที่ตลาดเช้าสักหน่อยอ่ะค่ะ (ตลาดอยู่ใกล้ ๆ กับร้านขายหมึกย่าง เดินจากที่พักไปไม่ถึง 10 นาที) เพราะได้ข่าวมาว่าที่ตลาดเช้าของที่นี่จะมีขนมพื้นบ้านอย่างพวกขนมบันดุก ขนมชั้นสีแดงที่ทำจากครั่ง มีข้าวเกรียบน้ำจิ้ม ขนมถ้วยฟูน้ำตาลอ้อย และก็มีข้าวต้มมันญวณด้วยะคะ ซึ่งแค่ได้ยินชื่อนี่ พิมก็น้ำลายไหลแล้วค่าาา ฮ่าๆ ........ ยังไงคืนนี้ไปอาบน้ำอาบท่านอนกันก่อน แล้วพรุ่งนี้เช้าไปลุยตลาดสดด้วยกันอีกทีนะคะ สวัสดีค่า ^_^